ทำอย่างไรดีเมื่อ อีเมล์ (Email) ติดไวรัส (Virus) หรือ โดนแฮกค์ (Hack)

เมื่อพูดถึง Email แล้ว ในยุคสมัยนี้ใครๆ ก็มี Email ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่เด็กประถม ไปจนถึงคนวัยทำงาน Email ช่วยให้คนทั่วโลกนั้นติดต่อกันได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก

แต่เมื่อความนิยมในการใช้ Email มีมากขึ้น การถูกโจมตี Email ด้วยวิธีต่างๆ ก็มีมากขึ้นไปด้วยเช่นกัน  หนึ่งในปัญหานั้น คือ 

บริษัท เทคโนโลยีแลนด์ จำกัด
ผู้ให้บริการ ระบบอีเมล์ สำหรับธุรกิจ คุณภาพสูงสุด
คลิกเพื่ออ่านรายละเอียด >>
www.technologyland.co.th/email

ปัญหา Email ติดไวรัส ซึ่งเป็นปัญหาโลกแตกสำหรับหลายๆคน 

สาเหตุ สาเหตุที่ Email ติดไวรัส ไม่ได้เป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนหรือโดนล้วงข้อมูลที่หลายๆคนคิด 

แต่สาเหตุหลักๆ ที่ผู้เขียนพบนั้นคือ ผู้ใช้งาน Email  นอกจากจะใช้ Email ใน gmail, yahoo, hotmail แล้ว 

ผู้ใช้งาน ยังใช้ Email ของตนเองในการสมัครการใช้งานอื่นๆ เช่น การสมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ที่มีการให้ใส่ Email ตนเอง และ ยังได้ตั้ง Password ให้เหมือนกับ Email เราอีก 

เมื่อ Website นั้นๆ โดนไวรัสโจมตี ข้อมูลเหล่านั้นก็จะถูกนำมาใช้งานอย่างผิดๆ เช่น ไวรัสจะสร้าง Email โดยอัตโนมัติ ในนามชื่อ Email เราเอง (เพราะเราดันไปบอกทั้ง Email กับ Password ที่ถูก Hack) และถูกส่งไปหาเพื่อนเราทั้งหมดโดยอัตโนมัติ  ทั้งๆ ที่เราไม่ได้เป็นคนส่งเอง

ทำให้เพื่อนๆ เราเกิดความรำคาญ หรือ บางครั้งยังส่ง Email ที่มีข้อความที่ไม่เหมาะสมไปอีกด้วย

การแก้ปัญหา

ผู้เขียนมั่นใจว่า ผู้ใช้หลายคน ต้องใช้ Email และ Password เดียวกัน กับ เว็บไซต์อื่นๆ อย่างแน่นอน เพื่อความไม่ประมาท ผู้ใช้งาน ควรเปลี่ยน Password ของ Email โดยทันที ให้ไม่เหมือนกับ Password ที่เราเคยไปกรอกในที่อื่นๆ 

ถึงแม้ว่าผู้ใช้งานจะติดไวรัสไปแล้วก็ตาม ลองแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยน Password Email น่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด แต่ยังมีช่องโหว่อีกมากมาย ซึ่งผู้เขียนจะมาเขียนอธิบายเพิ่มเติมต่อไป เพื่อให้ผู้ใช้งานระมัดระวังการใช้อีเมล์ให้มากขึ้น เพราะ อีเมล์นั้น คือ คลังเอกสารส่วนตัวหนึ่งของเรา ที่เก็บข้อมูลความลับของเราไว้มากมาย ดังนั้น เราต้องใส่ใจ และดูแลมันเหมือนกับสมบัติที่มีคุณค่า อันหนึ่งของเราเลยทีเดียว

บริษัท เทคโนโลยีแลนด์ จำกัด
ผู้ให้บริการ ระบบอีเมล์ สำหรับธุรกิจ คุณภาพสูงสุด
คลิกเพื่ออ่านรายละเอียด >>
www.technologyland.co.th/email